” ปวดคอ ” กระดูกคอเสื่อมรู้เมื่อสายอันตรายกว่าที่คิด….

ปวดคอ กระดูกคอเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานคอผิดท่าเป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคกระดูกคอเสื่อมในช่วงอายุที่น้อยลงมากขึ้น โดยมีอาการเริ่มแรกคือ ปวดตึงต้นคอ หรือปวดคอร้าวไปที่สะบัก ปวดร้าวลงไปที่แขนข้างใดข้างหนึ่ง

 

อาการกระดูกคอเสื่อม แบ่งออกเป็น 3 อาการ

  • กระดูกคอเสื่อมที่ไม่กดทับเส้นประสาทและไขสันหลัง จะมีอาการปวดคอ บ่า สะบัก
  • กระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทคอ จะปวดตามแนวเส้นประสาท ชา อ่อนแรงบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขนหรือมือ รวมทั้งปวดร้าวจากคอลงไปที่แขน
  • กระดูกคอเสื่อมกดทับไขสันหลัง จะมีอาการเกร็งบริเวณลำตัวตัว แขนและขา การทรงตัวไม่ดี ก้าวสั้น ใช้งานมือได้ไม่ถนัด

 

โดยจะเป็นแบบนี้เรื้อรังหลายปี และจะลุกลามจนกระทั่งเดินไม่ได้แต่ในระยะเริ่มต้นมักมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น เดินไม่คล่อง ทำของหล่นจากมือบ่อย ๆ เมื่อเป็นมากขึ้น จะเดินขากาง โน้มตัวไปข้างหน้าในที่สุดก็จะเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น กลัดกระดุมเสื้อไม่ได้ เขียนหนังสือลายมือไม่เหมือนเดิม ซึ่งเมื่อทำการตรวจร่างกาย ก็จะพบกล้ามเนื้อมือลีบลงและอ่อนแรงลง กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง มีอาการปวดแบบไฟฟ้าช็อตหรือชาไปกลางหลังเวลาก้มคอ

 

สาเหตุของกระดูกคอเสื่อม

  • เคยได้รับบาดเจ็บที่คอ
  • ทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวคอบ่อย ๆ หรือเกิดแรงกดบริเวณคอมากเกินไป
  • มีการเกร็งคออยู่ในท่าทางที่ผิดจากปกติเป็นเวลานาน หรือเคลื่อนไหวคอในท่าเดิมซ้ำ ๆ ตลอดทั้งวัน
  • คนในครอบครัวมีภาวะกระดูกคอเสื่อม
  • สูบบุหรี่
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน

 

แนวทางการรักษาโรคกระดูกคอเสื่อม สามารถรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากอาการไม่รุนแรงสามารถใช้วิธีกายภาพบาบัดร่วมกับการรับประทานยาได้ แต่ถ้ามีอาการชา แขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบรักษาด้วยการผ่าตัด

 

แนวทางตรวจวินิจฉัยโรค “หมอนรองกระดูกคอเสื่อม”

  • ในเบื้องต้นแพทย์จะซักอาการ และสอบถามว่าเคยได้รับอุบัติเหตุใด ๆ เมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ จากนั้นจึงตรวจการเคลื่อนไหวของคอ ตรวจปฏิกิริยาตอบสนองและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อดูว่ามีแรงกดทับที่เส้นประสาทบริเวณสันหลัง หรือไขสันหลัง
  • การตรวจด้วย MRI ถือว่าเป็นวิธีการตรวจที่เป็นมาตรฐาน สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยในการวินิจฉัยโรคซึ่งมีความละเอียดชัดเจนสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะมีอาการแสดงได้ ทำให้สามารถรักษาและป้องกันความเสียหายได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ